วันศุกร์สุดสัปดาห์ วันนี้มีเรื่องเล่าครับ
ขณะพักอ่านหนังสืออยู่ในห้องมีญาติผู้ป่วยมาขอพบเพื่อที่จะถามว่า "คุณหมอ
คุณย่าไปตรวจเลือดมา ผลการตรวจบอกว่าเป็นโรคไตเรื้อรัง ต้องกินยาอะไรช่วยครับ ?"
แล้วก็ยื่นสมุดตรวจสุขภาพให้ดู ผลเลือด creatinine ได้
1.2 ค่า eGFR 62 มีรายงานออกมาว่าเป็นโรคไตเสื่อมเรื้อรัง
----เอาล่ะสิ ผมว่าท่านก็อาจมีประสบการณ์แบบนี้ ในมุมมองของผู้ป่วยเป็นอย่างไร
แล้วอายุแพทย์อย่างผมจะดีเบตอย่างไร --- สิ่งที่อยากจะบอกคือการวินิจฉัยผู้ป่วยที่เป็นโรคไตเรื้อรังนั้นสิ่งที่สำคัญ คือระยะเวลาที่เป็นครับ สมาคมโรคไตทุกประเทศมากำหนดร่วมกันแล้วว่าความผิดปกติที่เข้าข่ายโรคไตเรื้อรังนั้นต้องต่อเนื่องมากกว่า
12 สัปดาห์ครับ การใช้ค่าเดียวไม่สามารถบอกความต่อเนื่องได้ครับ ควรมีค่าเดิมเทียบหรือตรวจซ้ำอีกครั้งในอีกสามเดือนข้างหน้า
โรคไตวายเฉียบพลันบางชนิดใช้เวลาเดือนหนึ่งก็เป็นปรกติ
ถ้าเราไม่ตรวจติดตามก็คงจะแยกวายเรื้อรังกับวายเฉียบพลันได้ยาก.
และจำเป็นมากนะครับที่ต้องแยกให้ได้เพราะยุทธศาสตร์การรักษาต่างกันคนละทิศทางเลย
การเสื่อมอย่างน้อยสามเดือนนั้นมีสองข้อ
อันนี้ขอแปรญัตติเลยนะครับพูดให้กระจ่าง จะได้เข้าใจถ่องแท้เลย อย่างแรกคือ
ค่าอัตราการกรองของไต (glomerular filtration rate) ค่าน้อยกว่า
60 ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่าสามเดือน
ไม่ใช่ค่าการตรวจเลือดที่ท่านมักจะเข้าใจว่าเป็นการทำงานของไตคือค่า BUN และ
creatinine นะครับ ในทางปฏิบัติทั่วไปเราจะเอาค่า creatinine
จากการเจาะเลือดมาคำนวณอีกหลายอย่าง ใช้ค่าอายุ เพศ เชื้อชาติ
น้ำหนัก ส่วนสูง
จนได้ค่าอัตราการกรองโดยประมาณเพื่อเอามาพิจารณาว่าเข้าเกณฑ์โรคไตเสื่อมเรื้อรังหรือไม่
เน้นว่าต้องตรวจติดตาม และค่าเดียวจากการเจาะเลือดใช้ไม่ได้ครับ
ต้องมาเข้าสูตรคำนวณก่อนเสมอ
อย่างที่สองคือมีความผิดปกติเชิงคุณภาพอย่างใดอย่างหนึ่งต่อเนื่องมากกว่าสามเดือน...เอาละสิ..ความผิดปกติเชิงคุณภาพคืออะไรหว่า..เอาภาษาง่ายๆคือเจาะเนื้อไต
ถ่ายภาพรังสีหรือวัดปริมาณโปรตีนในปัสสาวะ ในทางปฏิบัติทั่วไป
เราใช้ค่าโปรตีนในปัสสาวะครับ และที่มีความแม่นยำใช้ง่ายเราเรียกว่า
การตรวจไมโครแอลบูมินในปัสสาวะที่มากกว่า 30 ครับ
การตรวจสุขภาพทั่วไปจะไม่มีค่านี้นะครับ ต้องส่งตรวจเฉพาะครับ
และถ้ามีความผิดปกติในข้อสองนี้เกินกว่าสามเดือน เราก็นับว่าเป็นโรคไตเรื้อรังโดยที่ไม่ต้องสนใจค่าอัตราการกรองในข้อแรกเลย การตรวจไมโครแอลบูมินก็ทำไม่ได้ทุกที่ครับ
กลับมาที่คนไข้ที่มาปรึกษา
เขาใช้ผลการตรวจสุขภาพเท่านั้นมาแปลว่าตัวเองเป็นโรคไตวายเรื้อรัง
ผมก็จะดีเบตว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ครับ แต่ก็ควรตรวจติดตามในอีกสามเดือนด้วยวิธีเฉพาะแบบก็จะพอบอกได้ว่าเป็นโรคไตวายเรื้อรังหรือไม่
ผมอยากบอกว่า
ไม่สามารถใช้ค่าผลใดเพียงจุดหนึ่งเวลาหนึ่งมาตัดสินโรคที่เป็นและชะตาชีวิตในภายภาคหน้าครับ
เพราะไตวายรักษากันทั้งชีวิต รักษาทั้งกายทั้งใจทั้งญาติทั้งคนรอบข้าง
เสียทั้งแรงกายแรงใจแรงเงิน
ก่อนจะบอกว่าเป็นไตวายเรื้อรัง..ต้องชัดเจนครับ...สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น